เตือนภัยสำหรับคนติด social network ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twister Google+ หรืออื่นๆ ไลฟ์สไตล์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชีวิต แต่ละนาทีติดหนึบอยู่กับเทคโนโลยี การเชื่อมต่อความสัมพันธ์ในรูปแบบ Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook / twitter เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่หลายคนปฏิเสธไม่ได้ ทราบหรือไม่ว่าอาการไฮเทคแบบนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่พาโรคต่างๆเข้ามาสู่ร่างกายและจิตใจของคุณได้อย่างไม่ทันระวังตัว
– โรครูม่านตาผิดปกติจากอาการเกร็ง สาเหตุมาจากแสงหน้าจอจะเข้ามาตลอดเวลาทำให้เราต้องหรี่ตา แล้วเกร็งตา ซึ่งหากเกิดอาการเหล่านี้บ่อยจะส่งผลให้เกิดอาการปวดตา บางคนถึงขั้นเกิดอาการปวดหัวไมเกรนเข้าขั้นรุนแรงต้องรีบปรึกษาแพทย์และลดการจ้องหน้าจอเป็นเวลานานนะ
– โรคกระดูกหลัง และกระดูกคอเสื่อม การนั่งเล่น นอนเล่น Facebook / twitter ท่าเดิมต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบทจะทำให้เกิดอาการปวดหลัง และปวดบริเวณคอ ฉะนั้นควรเปลี่ยนอิริยาบทท่านั่งทุกทุก 15-30 นาที และไม่ควรนอนเล่นคอมฯ จำให้ให้บริเวณไหล่ได้รับแรงกดทับมากกว่าปกติเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้
– โรคพังพืดรัดเส้นประสาทฝ่ามือ (Carpal Tunnel Syndrome) ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ต้องพึงพาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการทำงาน คนทำงานในปัจจุบันจึงเป็นโรคนี้กันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องใช้คอมฯอยู่ตลอดทั้งวัน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ข้อมือเกิดพังพืด
– โรคติดอินเตอร์เน็ต (Internet Addiction Disorder) โรคนี้มีลักษณะอาการคือจะสามารถอยู่กับอินเตอร์เน็ตได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การแชต ผ่านทาง Social Network โดยไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น บางคนเข้าขั้นเสียทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน ทางที่ดีควรเลือกใช้อินเตอร์เน็ตแบบพอเหมาะพอดี และหากิจกรรมอย่างอื่นทำบ้างอย่างเช่น การออกกำลังกาย หรือการอ่านหนังสือ เพื่อเสริมสร้างทักษะทางด้านอื่นต่อตัวคุณเอง ทำให้ไม่เสียสุขภาพจิตด้วย
– โรคซึมเศร้า การใช้เวลาอยู่ในโลกไซเบอร์มากเกินไป จะทำให้โลกแห่งความเป็นจริงของคุณมีพื้นที่น้อยลง คุณจะทักษะในการเข้าสังคม เกิดอาการวางตัวไม่ถูก เนื่องจากขาดการติดต่อจากโรคภายนอก บางคนมีอาการซึมเศร้ามากจะเกิดอาการนอนไม่หลับเข้ามาเป็นของแถมให้ด้วย
อาการดังกล่าวสามารถรักษาได้ด้วยตัวคุณเอง โดยการแบ่งเวลา หากิจกรรมอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองเพื่อเสริมสร้างทักษะทางด้านอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ในโลกไซเบอร์อาจปฏิเสธเทคโนโลยีที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว และผู้รับเอาเทคโนโลยีนั้นมาใช้ จำเป็นต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตใจ
เครดิตข้อมูลจาก http://magazine.trendyday.com