แต่จากหนังสือ ไทใหญ่ (สกว.และจุฬาฯ สนับสนุน) ตอนถิ่นกำเนิดไทใหญ่จากเอกสารไทใหญ่ คุณสมพงษ์ วิทยศักดิ์พันธุ์ อ้างคัมภีร์พุทธศาสนามหาวงศ์ เรียบเรียง เรื่องราวการกำเนิดโลกไว้ดังนี้
ในตอนแรกโลกเราจะไหม้ด้วยไฟ จนพื้นดินกลายเป็นสีดำเข้ม แล้วก็ลามไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไหม้ไปเรื่อยๆ จนถึงสวรรค์ชั้นแรกที่อยู่เหนือสุด ติดต่อกันหลายสิบล้านปี(จะนานไปป่าวเนี่ย)
หลังจากไหมแล้วก็มีฝนตกลงมา ตกปรอยๆ และหนักขึ้นมากขึ้น จากขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร เป็นเท่าเมล็ดถั่ว แล้วก็ใหญ่เท่าลูกมะขามป้อม.. ใหญ่อีกถึงขนาดเท่าดุมเกวียน และใหญ่จนขนาดเท่าบ้าน (โฮ้..ใหญ่ไปมั๊ย..)
ฝนก็ตกไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด น้ำจึงท่วมโลก กลายเป็นโลกแห่งมหาสมุทร ท่วมไปจนถึงสวรรค์ชั้นสูงสุด นานนับแสนปี
หลังจากผ่านไปก็มีดอกบัวดำผุดขึ้นมาจากใต้น้ำ เป็นดอกบัวที่สวยงาม มีกลีบอยู่ร้อยชั้น และส่งแสงเรืองรองเป็นประกายระยิบระยับ อยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์ ขุนสางหลวง ที่ประทับอยู่สวรรค์สูงสุด ที่ไฟไหม้และน้ำท่วมไม่ถึง ก็ลงมาดูดอกบัวดำ ก็พบว่า ภายในดอกบัวชั้นในสุดมีสิ่งของ เครื่องใช้ประจำวันของพระพุทธเจ้า 5 ชุด ซึ่งก็แสดงว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาปรากฏในโลก 5 องค์ ขุนสางหลวงจึงนำเครื่องอัฐบริขารทั้งหมดขึ้นไปบูชาที่สวรรค์
พอน้ำเริ่มลด ดอกบัวดำก็แห้งเหี่ยว กลีบดอกบัวร่วงหล่น กลายเป็นทวีป 4 ทวีป กลีบบัวเล็กๆ ก้กลายเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย.. ก้านดอกบ้วเป็นเสาค้ำฟ้า 4 เสา และมีเทวดาเฝ้าประจำอยู่ 4 องค์
หลังจากน้ำลดแห้งลงแล้ว ก็มีกลิ่นหอมจากผืนดินลอยไปถึงสวรรค์ เทวดานางฟ้า 36 องค์ ได้กลิ่นก็เหาะลงมากินดินหอม พอกินเสร็จแล้วปรากฏว่าหมดฤทธิ์ เหาะกลับสวรรค์ไม่ได้...(ซวยไป..) ก็เลยต้องจำใจอาศัยอยู่บนโลก
อยู่ไปๆ มองกันไปมาก็เกิดรักใครกันออกลูกออกหลาน กันมาบนโลก ที่ถูกเรียกว่า ชนชาติร้อยเผ่า ถือเป็นการกำเนิดโลกใหม่กันอีกครั้ง
สงสัยว่าในยุคของเรานี่ อาจจะเจอทั้งภัยธรรมชาติในวันสิ้นโลกแถมยังจะต่อด้วยภัยจากน้ำมือของมนุษย์เราเองซ้ำเข้าไปอีก เหมือนญี่ปุ่น ที่เจอแผ่นดินไหว ซึนามิ และเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิด เคราะห์ซ้ำกรรมซัด กับชะตาของโลกใบนี้เหลือเกิน.. T^T
